บริษัทฯ เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ผ่านตลาดตราสารหนี้ (BEX) ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคล
เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนคงที่ ด้วยมูลค่าการลงทุนเริ่มต้นขั้นต่ำ 100,000 บาท
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในตราสารหนี้ได้ที่เจ้าหน้าที่การตลาด หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2657-7171
|
การเปิดบัญชีซื้อขายตราสารหนี้กับ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ทำได้ง่ายดาย เพียงแค่ท่านกรอกรายละเอียดในเอกสารเปิดบัญชี พร้อมแนบเอกสารสำคัญดังต่อไปนี้
บุคคลธรรมดา
1) สำเนาบัตรประชาชน
2) สำเนาทะเบียนบ้าน
3) หลักฐานทางการเงิน เช่น สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน, สำเนาพันธบัตร เป็นต้น
นิติบุคคล
1) สำเนาหนังสือรับรองบริษัท
2) สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนาม
3) รายงานการประชุมอนุมัติให้เปิดบัญชี
4) หนังสือมอบอำนาจ
5) หลักฐานทางการเงิน เช่น สำเนางบการเงิน
ติดต่อขอรับเอกสารเปิดบัญชีและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่การตลาดที่ดูแลบัญชีท่าน หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2657-7171
|
|
|
หลังจากที่เปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับแจ้งถึงหมายเลขบัญชีและเจ้าหน้าที่การตลาดที่ดูแลบัญชีท่าน
ทั้งนี้ท่านสามารถส่งคำสั่งและสอบถามราคาซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดทางโทรศัพท์ ในการส่งคำสั่งซื้อขายตราสารหนี้
บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านแจ้งหมายเลขบัญชี ชื่อ ชื่อตราสารหนี้ ราคาและจำนวนที่ซื้อขาย (กำหนดขั้นต่ำ 100 หน่วย) อย่างชัดเจนทุกครั้ง
เวลาซื้อขาย ช่วงเช้า 10.00 12.30 น . และ ช่วงบ่าย 14.30-16.30 น. ของวันทำการ
|
|
|
กรณีซื้อ |
กำหนดให้ชำระเงินค่าซื้อในวันทำการที่ 2 หลังจากวันที่ทำรายการซื้อขาย โดยชำระได้หลายวิธีดังนี้
1) เช็ค สั่งจ่าย บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ
2) โอนเงินเข้าบัญชีบริษัท (Pay-in) หรือ
3) หักชำระผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) *
|
กรณีขาย |
ท่านควรฝาก/โอนตราสารหนี้เข้าในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของท่านให้เรียบร้อยก่อนส่งคำสั่งขาย ทั้งนี้
ท่านจะได้รับเงินค่าขายในวันทำการที่ 2 หลังจากวันที่ทำรายการซื้อขาย โดยสามารถเลือกรับได้หลายวิธี ดังนี้
1) เช็ค หรือ
2) โอนเงินเข้าบัญชี หรือ
3) ฝากผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) * |
หมายเหตุ ท่านสามารถโอน / รับ โอนผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ (ATS) หลังจากที่บริษัทฯได้รับการยืนยันการอนุมัติจากธนาคารเรียบร้อยแล้ว
|
|
|
ค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขายตราสารหนี้ผ่านระบบ BEX
ปริมาณการซื้อขาย <=10 ล้านบาท |
0.05% |
10 ล้าน < ปริมาณการซื้อขาย <= 50 ล้านบาท |
0.04% |
ปริมาณการซื้อขาย > 50 ล้านบาท |
0.03% |
และกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำต่อวันดังนี้
รับ/ชำระโดยโอนบัญชีอัตโนมัติ (ATS) |
50 บาท |
รับ/ชำระโดยโอนเงินผ่านธนาคาร (Pay-in) |
100 บาท |
รับ/ชำระโดยเช็คและใช้บริการเจ้าหน้าที่รับส่งเอกสาร |
200 บาท |
|
- ตราสารหนี้ภาครัฐ (Government Debt Securities)
1.1 พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond)
1.2 พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (State Owned Enterprise Bond)
1.3 พันธบัตรองค์กรภาครัฐ (State Agency Bond)
1.4 พันธบัตรเทศบาล (Municipal Bond)
- หุ้นกู้เอกชน (Corporate Bonds)
นักลงทุนสามารถดูรายชื่อตราสารหนี้ที่ซื้อขาย คลิกที่นี่
|
|
|
นักลงทุนจะเป็นผู้รับภาระภาษีจากรายได้ที่ได้จากดอกเบี้ย ส่วนลด และกำไรจากการขาย ดังนี้
บุคคลธรรมดา
ดอกเบี้ย |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% และมีสิทธิเลือกที่จะไม่นำไปรวมคำนวณ เป็นรายได้เพื่อเสียภาษีสิ้นปี |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% หากจำหน่ายในต่างประเทศ จะได้รับการยกเว้น |
ส่วนลด |
ส่วนลดรับ หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% เฉพาะผู้รับที่เป็นผู้ทรงคนแรก และมีสิทธิเลือกที่จะไม่นำไปรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีสิ้นปี |
หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เฉพาะผู้รับที่เป็นผู้ทรงคนแรก |
กำไร |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% และมีสิทธิเลือกที่จะไม่นำไปรวมคำนวณเป็น รายได้เพื่อเสียภาษีสิ้นปี ยกเว้น Zero Coupon Bond ที่ผู้ทรงคนแรกได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% แล้ว |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% ยกเว้นเฉพาะ Zero Coupon Bond ที่ผู้ทรงคนแรกได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% แล้ว |
นิติบุคคล -
บริษัทจดทะเบียน และบริษัทจำกัด
ดอกเบี้ย |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 1% โดยผู้จ่าย และนำไปคำนวณเป็นรายได้หักค่าใช้จ่ายเป็น กำไรเพื่อเสียภาษี |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% |
ส่วนลด |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 1% โดยผู้จ่าย และนำไปคำนวณเป็นรายได้หักค่าใช้จ่ายเป็น กำไรเพื่อเสียภาษี |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% |
กำไร |
ไม่ต้องถูกหัก ณ ที่จ่าย แต่ต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้หักค่า ใช้จ่ายเป็นกำไรเพื่อเสียภาษี |
หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% |
/1 สถาบันการเงินจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3.3%
/2 ต้องพิจารณาจากอนุสัญญาภาษีซ้อนที่อาจทำให้เสียภาษีในอัตราอื่น
|
|
|
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย รายได้จากส่วนลด กำไรจากการขาย และรับคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด
ทั้งนี้ ขอให้นักลงทุนพิจารณาถึงความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยควบคู่กับผลตอบแทนที่ได้รับ
คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับตราสารหนี้
หุ้นกู้
(Bond)
|
ตราสารหนี้ระยะยาวที่ผู้ออกสัญญาที่จะจ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยให้กับผู้ถือตามเงื่อนไขที่กำหนด |
อัตราดอกเบี้ย
(Coupon)
|
ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นกู้ ที่ผู้ออกสัญญาจะจ่ายให้กับผู้ถือตามอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้ |
ส่วนลด
(Discount)
|
ราคาขายของตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าราคาพาร์ |
กำไร
(Capital Gain)
|
ราคาขายของตราสารหนี้ที่สูงกว่าราคาต้นทุน |
ราคาหุ้นกู้
(Price)
|
ราคาซื้อ/ขายของหุ้นกู้แต่ละตัว ซึ่งคำนวณจากผลตอบแทน ดอกเบี้ยระยะเวลา |
ราคารวมดอกเบี้ยค้างรับ
(Dirty Price)
|
ราคาซื้อขายที่รวมดอกเบี้ยของผู้ขายที่ต้องได้รับไว้แล้ว |
ราคาไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ
(Clean Price)
|
ราคาซื้อขายที่ไม่ได้รวมดอกเบี้ยของผู้ขายที่ต้องได้รับในงวดนั้น |
ผลตอบแทน
(Yield to Maturity)
|
ผลตอบแทนที่ได้รับหากถือตราสารหนี้จนครบกำหนดไถ่ถอน |
วันครบกำหนดไถ่ถอน
(Maturity)
|
วันที่ครบกำหนดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้าย(ถ้ามี) |
อันดับเครดิต
(Credit Rating) |
การจัดอันดับเครดิตดำเนินการโดยสถาบันจัดอันดับที่ได้รับความเห็นชอบจาก กลต. ที่ได้วิเคราะห์ความสามารถการชำระเงินต้น
และดอกเบี้ย โดยพิจารณาจากฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร |
Bid
|
ราคาเสนอซื้อหุ้นกู้ที่รวมดอกเบี้ยค้างรับ |
Offer
|
ราคาเสนอขายหุ้นกู้ที่รวมดอกเบี้ยค้างรับ |
Call Option
|
สิทธิที่ผู้ออกตราสารสามารถไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด |
Put Option
|
สิทธิที่ผู้ออกตราสารให้สิทธิกับผู้ถือ สามารถไถ่ถอนคืนก่อนกำหนด |
นักลงทุนที่สนใจข้อมูล ราคา คำนวณราคา ของตราสารหนี้ ท่านสามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องดังนี้
www.thaibond.com
www.bex.or.th
|
|
|
|