| ||
ที่ อพ.115/บช.002/48 วันที่ 16 พฤษภาคม 2548 เรื่อง คำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท อัมรินทร์ พลาซ่า จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินงาน สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 ตามรายละเอียดดังนี้ สรุปผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 (ไตรมาส 1/48) บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 91 ล้านบาทในไตรมาส 1/48 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 102 จาก ไตรมาส 4/47 (กำไรสุทธิ 45 ล้านบาท) แต่ลดลงร้อยละ 24.5 จากช่วงเดียวกันในปี ก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 121 ล้านบาท เป็นผลส่วนใหญ่จากการดำเนินการปรับปรุง อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์และอาคารปาร์คเลน รายละเอียดคำอธิบายและการวิเคราะห์ ผลการดำเนินงานดังนี้ งบกำไรขาดทุนรวมของ บริษัท อัมรินทร์พลาซ่า จำกัด (มหาชน) สำหรับไตรมาส หน่วย : ล้านบาท 1/48 1/47 เปลี่ยนแปลง 4/47 เปลี่ยนแปลง รายได้จากการ ประกอบกิจการโรงแรม 561.1 497.6 12.8% 565.3 -0.7% รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 123.8 128.8 -3.9% 117.1 5.7% รวมรายได้จากการดำเนินงาน 684.9 626.4 9.3% 682.4 0.4% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน -450.4 -388.9 15.8% -504.6 -10.8% กำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา 234.5 237.5 -1.2% 177.8 32.0% ค่าเสื่อมราคา -78.2 -66.9 16.9% -75.7 3.3% กำไรจากการดำเนินงาน 156.3 170.6 -8.4% 102.1 53.3% รายได้อื่น 6.8 14.7 -53.7% 6.0 10.0% ดอกเบี้ยจ่าย -30.2 -28.3 6.7% -30.2 -0.1% กำไรก่อนภาษีเงินได้ 132.9 157.0 -15.3% 77.9 70.6% ภาษีเงินได้ -26.6 -22.6 17.7% -21.0 26.7% ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย -15.2 -13.7 10.9% -11.9 28.6% กำไรสุทธิ 91.1 120.7 -24.5% 45.1 101.9% กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.06 0.08 -25.0% 0.03 100.0% กิจการโรงแรมยังคงมีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจโดยมีรายได้จากการดำเนินงาน ในไตรมาส 1/48 เท่ากับ 561 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของการดำเนินงานทั้งด้านรายได้ห้องพัก (Room) และ รายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) โดยเฉพาะจากห้องอาหารใหม่ซึ่งเปิดดำเนินงาน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/47 โดยจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่งนี้มี ส่วนช่วยผลักดันให้กำไรจากการดำเนินงานของกิจการโรงแรมยังคงขยายตัวเพิ่มขี้นร้อยละ 8 จากไตรมาส 1/47 แม้ว่าค่าใช้จ่ายของธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มมากขึ้นด้วยก็ตาม ดังนั้น สาเหตุหลัก ที่ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทมีการปรับตัวลดลงนั้นคือการลดลงของรายได้ค่าเช่า และค่าบริการในส่วนของกิจการอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม (non hotel) ซึ่งอยู่ในระหว่าง ช่วงการดำเนินการปรับปรุงอาคาร จึงทำให้อัตราการเช่า (occupancy rate) มี ระดับลดต่ำลง การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานแยกตามประเภทธุรกิจของไตรมาส 1/48 แสดงดังต่อไปนี้ โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/47 โดยการเพิ่มขึ้นที่สำคัญนั้นมาจากรายได้ค่า อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเท่ากับ 132 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/47 ทั้งนี้ เนื่องจากการเปิดดำเนินการของ The Residence และห้องอาหาร Erawan Tea Room ในช่วงไตรมาสที่ 4/47 เป็นต้นมา และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ของรายได้จากห้องจัดเลี้ยง(ไม่นับรวมรายได้จาก The Residence ที่เปิดใหม่) เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17% นอกจากนี้ทางด้านรายได้ห้องอาหาร The Dining Room มีรายได้ลดลง 4% ในขณะที่ห้องอาหาร Spasso มีรายได้เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/47 รายได้ค่าห้องพัก ในไตรมาสที่ 1/48 เท่ากับ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ก่อน 8% เป็นผลจากการอัตราการเข้าพักขยับตัวขึ้นเป็น 78% เมื่อเทียบกับ 70% ณ งวดเดียวกันของปี 2547 (คำนวณจากจำนวนห้องทั้งหมด 380 ห้อง) ในขณะที่อัตรา ค่าห้องพักเฉลี่ยเท่ากับ 5,013 บาท ลดลงเล็กน้อยจาก 5,087 บาท ในไตรมาส 1/47 อันเป็นผลจากการแข็งตัวขึ้นของค่าเงินบาท กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของโรงแรม มีมูลค่าเท่ากับ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 7% จากงวดเดียวกันในปี 2547 เนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเงินเดือนและสวัสดิการของ พนักงานได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วย โรงแรมเจดับบลิวมาริออทกรุงเทพ รายได้จากการดำเนินงานของโรงแรมเจดับบลิวแมริออทกรุงเทพได้มีการ เติบโตอย่างต่อเนื่องมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 1/48 มีรายได้ เท่ากับ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1/47 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มี การเติบโตนั้นคล้ายคลึงกับทางโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณคือมาจากรายได้ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งมีอัตราการเติบโต 28% จาก 79 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/47เป็น 101 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 โดยมาจากการดำเนินงานร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่ ชื่อสึนามิซึ่งสามารถทำรายได้เท่ากับ 19 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 1/48 และนอกจาก นี้ร้านอาหารหลักอีก 2 ร้านคือ Marriott Cafe และ New York Steakhouse ยังคงสามารถทำรายได้ให้ทางโรงแรมได้เป็นอย่างดี โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 13% และ 4% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/47 นอกจากนี้รายได้จากห้องพักมีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน โดยมีรายได้ 150 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักขยับสูงขึ้นเป็น 89% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่ง เท่ากับ 84% ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7% เป็น 4,237 บาท จากงวด เดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 3,946 บาท โรงแรมมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา เท่ากับ 113 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ 1/47 เนื่องจากการเพิ่มขึ้น ของรายได้ดังกล่าวในขณะที่ค่าใช้จ่ายเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานก็ได้ปรับเพิ่ม สูงขึ้นด้วยกิจการอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม จากการปรับปรุงอาคารที่ใช้ในการประกอบกิจการอื่น(ที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม) โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2547 ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/48 ยังคงไม่แตกต่างจากผลการดำเนินงานตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 3/47 เป็นต้นมา โดยภาพรวมเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อาคารที่ประกอบธุรกิจให้เช่า 2 แห่ง คืออาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ และอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ มีรายได้โดยรวมใน ไตรมาส 1/48 จำนวน 94 ล้านบาทลดลง 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับ อาคารปาร์คเลนแมนชั่น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็น โรงแรมสำหรับนักธุรกิจระดับสี่ดาว รายได้ในไตรมาส 1/48 ลดลงมากเหลือเพียง 4 ล้านบาทจาก 11 ล้านบาทในไตรมาส 1/47 อย่างไรก็ตามรายได้เพิ่มจากศูนย์การค้า เอราวัณแบงคอก(ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม) จำนวน 25 ล้านบาทในไตรมาส 1/48 ช่วยให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการรวมในไตรมาสนี้ลดลงเพียง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่เปลี่ยนแปลงมากยกเว้นค่าไฟฟ้า นอกจาก นี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างค่าเช่าจ่ายจำนวน 5.8 ล้านบาทใน ไตรมาส 1/48 ให้กับ บจก.เกษรโฮลดิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคาร อัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานจากรายได้รวมของธุรกิจส่วนนี้ของบริษัท โดย เปรียบเทียบกับไตรมาส 4/47 รายได้ส่วนนี้ดีขึ้น 6% จากผลการดำเนินงานของศูนย์ การค้าเอราวัณแบงคอก และการเพิ่มอัตราการเช่าของอาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ การเปลี่ยนแปลงอัตราการเช่าอาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ และอาคาร เพลินจิตเซ็นเตอร์นับตั้งแต่ไตรมาส 1/47 เป็นต้นมา แสดงดังนี้ อัตราการเช่าพื้นที่ 2547 2548 ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ไตรมาส 1 อัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ 80% 81% 80% 74% 84% เพลินจิตเซ็นเตอร์ 96% 95% 89% 75% 68% รายการอื่นๆ รายได้อื่นๆ (Non Operating Income) ลดลงเหลือ 7 ล้านบาทใน ไตรมาส 1/48 จากจำนวน 15 ล้านบาทในไตรมาส 1/47 ผลต่างเกิดจากในไตรมาส 1/47 มีรายการพิเศษ 2 รายการคือ (1)การยกเลิกสำรองการตัดจ่ายค่าภาษีหักณ. ที่จ่ายจำนวน 4 ล้านบาท และ (2) กำไรจากการยกเลิกสิทธิการเช่า 2 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 17% จากศูนย์การค้าเอราวัณแบงคอก 4 ล้านบาท และห้องอาหารใหม่ของโรงแรมทั้งสองแห่งดังกล่าวแล้ว ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 7% เนื่องจากเงินกู้ (ณ. วันที่ 31 มีนาคม 2548) เพิ่มขึ้นเป็น 3,353 ล้านบาท แต่ต้นทุนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โดยเฉลี่ยในไตรมาส 1/48 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมอยู่ที่อัตรา 3.6% ภาษีเงินได้ในไตรมาส 1/48 มีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของกำไรก่อนภาษีรวม (Consolidated Pre-tax Profit) เทียบกับในไตรมาส 1/47 ซึ่งมีอัตราเท่ากับ 14% เนื่องจากได้มีการใช้ผลขาดทุนทางภาษีของโรงแรมเจดับบลิว มาริออทหมด ไปตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2548 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (กษมา บุณยคุปต์) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ |