13:43:50 PM
  หัวข้อข่าว : AMARIN :คำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน

  
ที่ อพ.115/บช.002/48

                         วันที่  16  พฤษภาคม  2548

เรื่อง      คำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน

เรียน      กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท อัมรินทร์ พลาซ่า จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินงาน
สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่  31  มีนาคม 2548  ตามรายละเอียดดังนี้
สรุปผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 (ไตรมาส 1/48)
บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 91 ล้านบาทในไตรมาส 1/48 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 102 จาก
ไตรมาส 4/47 (กำไรสุทธิ 45 ล้านบาท) แต่ลดลงร้อยละ 24.5 จากช่วงเดียวกันในปี
ก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 121 ล้านบาท เป็นผลส่วนใหญ่จากการดำเนินการปรับปรุง
อาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์และอาคารปาร์คเลน รายละเอียดคำอธิบายและการวิเคราะห์
ผลการดำเนินงานดังนี้
งบกำไรขาดทุนรวมของ บริษัท อัมรินทร์พลาซ่า จำกัด (มหาชน)  สำหรับไตรมาส
หน่วย :  ล้านบาท
                       1/48   1/47  เปลี่ยนแปลง   4/47 เปลี่ยนแปลง
รายได้จากการ
ประกอบกิจการโรงแรม      561.1  497.6   12.8%    565.3   -0.7%
รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ   123.8  128.8   -3.9%    117.1    5.7%
รวมรายได้จากการดำเนินงาน 684.9  626.4    9.3%    682.4    0.4%
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน  -450.4 -388.9   15.8%   -504.6  -10.8%
กำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้
และค่าเสื่อมราคา               234.5  237.5   -1.2%    177.8
32.0%
ค่าเสื่อมราคา                  -78.2  -66.9   16.9%    -75.7
3.3%
กำไรจากการดำเนินงาน         156.3  170.6   -8.4%    102.1    53.3%
รายได้อื่น                 6.8    14.7  -53.7%      6.0    10.0%
ดอกเบี้ยจ่าย                  -30.2  -28.3    6.7%     -30.2   -0.1%
กำไรก่อนภาษีเงินได้             132.9  157.0  -15.3%      77.9
70.6%
ภาษีเงินได้                   -26.6  -22.6   17.7%     -21.0   26.7%
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย          -15.2  -13.7   10.9%     -11.9   28.6%
กำไรสุทธิ                  91.1  120.7  -24.5%      45.1  101.9%
กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท)       0.06      0.08  -25.0%     0.03   100.0%

      กิจการโรงแรมยังคงมีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจโดยมีรายได้จากการดำเนินงาน
ในไตรมาส 1/48 เท่ากับ 561 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของการดำเนินงานทั้งด้านรายได้ห้องพัก (Room) และ
รายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) โดยเฉพาะจากห้องอาหารใหม่ซึ่งเปิดดำเนินงาน
ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/47 โดยจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่งนี้มี
ส่วนช่วยผลักดันให้กำไรจากการดำเนินงานของกิจการโรงแรมยังคงขยายตัวเพิ่มขี้นร้อยละ
8 จากไตรมาส 1/47 แม้ว่าค่าใช้จ่ายของธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มมากขึ้นด้วยก็ตาม  ดังนั้น
สาเหตุหลัก
ที่ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทมีการปรับตัวลดลงนั้นคือการลดลงของรายได้ค่าเช่า
และค่าบริการในส่วนของกิจการอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม (non hotel) ซึ่งอยู่ในระหว่าง
ช่วงการดำเนินการปรับปรุงอาคาร จึงทำให้อัตราการเช่า (occupancy rate) มี
ระดับลดต่ำลง  การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานแยกตามประเภทธุรกิจของไตรมาส
1/48 แสดงดังต่อไปนี้

โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
      โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 279 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/47 โดยการเพิ่มขึ้นที่สำคัญนั้นมาจากรายได้ค่า
อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเท่ากับ 132 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่
1/47 ทั้งนี้ เนื่องจากการเปิดดำเนินการของ The Residence และห้องอาหาร
Erawan Tea Room ในช่วงไตรมาสที่ 4/47 เป็นต้นมา และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ของรายได้จากห้องจัดเลี้ยง(ไม่นับรวมรายได้จาก The Residence ที่เปิดใหม่)
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17%  นอกจากนี้ทางด้านรายได้ห้องอาหาร The
Dining Room มีรายได้ลดลง 4% ในขณะที่ห้องอาหาร Spasso มีรายได้เพิ่มขึ้น 8%
เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/47
      รายได้ค่าห้องพัก ในไตรมาสที่ 1/48 เท่ากับ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี
ก่อน 8% เป็นผลจากการอัตราการเข้าพักขยับตัวขึ้นเป็น 78% เมื่อเทียบกับ 70% ณ
งวดเดียวกันของปี 2547 (คำนวณจากจำนวนห้องทั้งหมด 380 ห้อง)  ในขณะที่อัตรา
ค่าห้องพักเฉลี่ยเท่ากับ 5,013 บาท ลดลงเล็กน้อยจาก 5,087 บาท ในไตรมาส
1/47 อันเป็นผลจากการแข็งตัวขึ้นของค่าเงินบาท
      กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของโรงแรม
มีมูลค่าเท่ากับ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 7% จากงวดเดียวกันในปี 2547 เนื่อง
จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเงินเดือนและสวัสดิการของ
พนักงานได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นด้วย
 
โรงแรมเจดับบลิวมาริออทกรุงเทพ
      รายได้จากการดำเนินงานของโรงแรมเจดับบลิวแมริออทกรุงเทพได้มีการ
เติบโตอย่างต่อเนื่องมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 1/48 มีรายได้
เท่ากับ 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%เมื่อเทียบกับไตรมาสที่1/47 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มี
การเติบโตนั้นคล้ายคลึงกับทางโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณคือมาจากรายได้ค่าอาหาร
และเครื่องดื่ม ซึ่งมีอัตราการเติบโต 28% จาก 79 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/47เป็น
101 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 โดยมาจากการดำเนินงานร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่
ชื่อสึนามิซึ่งสามารถทำรายได้เท่ากับ 19 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 1/48 และนอกจาก
นี้ร้านอาหารหลักอีก 2 ร้านคือ Marriott Cafe และ New York Steakhouse
ยังคงสามารถทำรายได้ให้ทางโรงแรมได้เป็นอย่างดี โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 13% และ
4% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/47
      นอกจากนี้รายได้จากห้องพักมีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน โดยมีรายได้
150 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
อัตราการเข้าพักขยับสูงขึ้นเป็น 89% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่ง
เท่ากับ 84% ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7% เป็น 4,237 บาท จากงวด
เดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 3,946 บาท
      โรงแรมมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา เท่ากับ 113
ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/48 เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ 1/47 เนื่องจากการเพิ่มขึ้น
ของรายได้ดังกล่าวในขณะที่ค่าใช้จ่ายเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานก็ได้ปรับเพิ่ม
สูงขึ้นด้วยกิจการอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม
      จากการปรับปรุงอาคารที่ใช้ในการประกอบกิจการอื่น(ที่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม)
โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2547 ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส
1/48 ยังคงไม่แตกต่างจากผลการดำเนินงานตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 3/47 เป็นต้นมา
โดยภาพรวมเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อาคารที่ประกอบธุรกิจให้เช่า 2 แห่ง
คืออาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ และอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ มีรายได้โดยรวมใน
ไตรมาส 1/48 จำนวน 94 ล้านบาทลดลง 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับ
อาคารปาร์คเลนแมนชั่น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็น
โรงแรมสำหรับนักธุรกิจระดับสี่ดาว รายได้ในไตรมาส 1/48 ลดลงมากเหลือเพียง 4
ล้านบาทจาก 11 ล้านบาทในไตรมาส 1/47 อย่างไรก็ตามรายได้เพิ่มจากศูนย์การค้า
เอราวัณแบงคอก(ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม) จำนวน 25 ล้านบาทในไตรมาส 1/48
ช่วยให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการรวมในไตรมาสนี้ลดลงเพียง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
       สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่เปลี่ยนแปลงมากยกเว้นค่าไฟฟ้า นอกจาก
นี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างค่าเช่าจ่ายจำนวน 5.8 ล้านบาทใน
ไตรมาส 1/48 ให้กับ บจก.เกษรโฮลดิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคาร
อัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์
       เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานจากรายได้รวมของธุรกิจส่วนนี้ของบริษัท โดย
เปรียบเทียบกับไตรมาส 4/47 รายได้ส่วนนี้ดีขึ้น 6% จากผลการดำเนินงานของศูนย์
การค้าเอราวัณแบงคอก และการเพิ่มอัตราการเช่าของอาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์

       การเปลี่ยนแปลงอัตราการเช่าอาคารอัมรินทร์พลาซ่า ทาวเออร์ และอาคาร
เพลินจิตเซ็นเตอร์นับตั้งแต่ไตรมาส 1/47 เป็นต้นมา แสดงดังนี้

อัตราการเช่าพื้นที่            2547                           2548
           ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4  ไตรมาส 1
อัมรินทร์พลาซ่า
ทาวเออร์           80%       81%        80%       74%       84%
เพลินจิตเซ็นเตอร์  96%           95%        89%       75%       68%

รายการอื่นๆ
       รายได้อื่นๆ (Non  Operating Income) ลดลงเหลือ 7 ล้านบาทใน
ไตรมาส 1/48 จากจำนวน 15 ล้านบาทในไตรมาส 1/47 ผลต่างเกิดจากในไตรมาส
1/47 มีรายการพิเศษ 2 รายการคือ (1)การยกเลิกสำรองการตัดจ่ายค่าภาษีหักณ.
ที่จ่ายจำนวน 4 ล้านบาท และ (2) กำไรจากการยกเลิกสิทธิการเช่า 2 ล้านบาท
       ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 17% จากศูนย์การค้าเอราวัณแบงคอก 4 ล้านบาท
และห้องอาหารใหม่ของโรงแรมทั้งสองแห่งดังกล่าวแล้ว
       ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 7% เนื่องจากเงินกู้ (ณ. วันที่ 31 มีนาคม 2548)
เพิ่มขึ้นเป็น 3,353 ล้านบาท แต่ต้นทุนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โดยเฉลี่ยในไตรมาส 1/48
ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมอยู่ที่อัตรา 3.6%
       ภาษีเงินได้ในไตรมาส 1/48 มีอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของกำไรก่อนภาษีรวม
(Consolidated Pre-tax Profit) เทียบกับในไตรมาส 1/47 ซึ่งมีอัตราเท่ากับ
14% เนื่องจากได้มีการใช้ผลขาดทุนทางภาษีของโรงแรมเจดับบลิว มาริออทหมด
ไปตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2548

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


                                 ขอแสดงความนับถือ


                               (กษมา      บุณยคุปต์)
                      ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่