| ||
11 เมษายน 2548 เรื่อง การสละสิทธิการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินและการย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำเนาเรียน เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามที่บริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินฉบับลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2545 กับ นางอนงค์รัตน์ ฉัตรจุฑามาส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท("สัญญาเช่าที่ ดิน") โดยมีอัตราค่าเช่าปีละ 21.60 ล้านบาท และสัญญาจะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2548 และใน สัญญาระบุว่า หากบริษัทประสงค์จะต่อสัญญาเช่าดังกล่าว บริษัทจะต้องมีหนังสือเสนอขอต่ออายุ สัญญาเช่าที่ดินไปยังผู้ให้เช่าเพื่อพิจารณาให้ผู้เช่าทำสัญญาต่ออีก 2 ปี นั้น บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทได้พิจารณาทบทวนในเรื่องการต่อสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวแล้ว บริษัทจะไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าว และจะทำการย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่ของบริษัทไปยังที่ดิน และอาคารที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป ตามที่อยู่ และหมาย เลขติดต่อ ดังนี้ บริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) เลขที่ 3/4 หมู่ที่ 9 ถนนบางนา ตราด กม 18 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 หมายเลขโทรศัพท์ (66) 2312-6699 หมายเลขโทรสาร (66) 2312-6711 สำนักงานใหญ่ที่จะทำการย้ายไปนี้ตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเนื้อที่ 10-3-32 ไร่ ประกอบด้วยเนื้อที่สำนักงานประมาณ 730 ตารางเมตร ซึ่งเพียงพอกับการดำเนินงานของบริษัทและมี โรงงานใหญ่ประมาณ 6,300 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือจะเป็นโชว์รูมของบริษัท และเป็นที่ตั้งคลังสินค้า ทัณฑ์บนซึ่งในปัจจุบันสินค้าที่มีไว้เพื่อจำหน่ายทั้งหมดของบริษัททำการจัดเก็บอยู่ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนนี้ และการย้ายสำนักงานใหญ่ในครั้งนี้บริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เนื่องจากไม่ต้องมีการลงทุนเพื่อการ พัฒนาสถานที่นี้เพิ่ม อนึ่งในการไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวถือเป็นการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในเรื่องของการ สละสิทธิตามสัญญาเช่าที่ดิน ดังนั้น บริษัทจึงขอแจ้งสารสนเทศรายการที่เกี่ยวโยงกัน และ ตามประกาศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในราย การที่เกี่ยวโยงกัน โดยมีรายละเอียดสารสนเทศของการไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดิน ดังนี้ 1. วัน เดือน ปี ที่มีการตกลงเข้าทำรายการ 30 เมษายน 2548 2. คู่สัญญาที่ทำรายการ ผู้เช่า : บริษัท ที.ซี.เจ. เอเซีย จำกัด (มหาชน) ผู้ให้เช่า : นางอนงค์รัตน์ ฉัตรจุฑามาส 3. ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ 3.1 บริษัทไม่ต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินฉบับลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2545 กับ นางอนงค์รัตน์ ฉัตรจุฑามาส โดยการเช่าดังกล่าวเป็นการเช่าที่ดินตั้งอยู่เลขที่ 89/169-170 หมู่ 3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพ10210 เนื้อที่ดินรวม 8 ไร่ 1 งาน 95.22 ตารางวา โดยมีอัตราค่าเช่าปีละ 21.60 ล้านบาท และมีเงื่อนไขว่าหาก บริษัทจะต่อสัญญาเช่าจะต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 2 ปี ซึ่งบริษัทจะไม่ต่ออายุสัญญา เช่าดังกล่าว 3.2 การทำรายการตามข้อ 3.1 ถือเป็นการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในเรื่องของการสละ สิทธิตามตามสัญญาเช่าที่ดินที่ทำกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งจัดเป็นลักษณะของ "บุคคลที่ เกี่ยวโยงกัน" ของบริษัทจดทะเบียน ตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในราย การที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 ดังนั้นบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและอยู่ภาย ใต้แผนฟื้นฟูกิจการจะต้องเปิดเผยข้อมูลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบ 4. มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน หากต่อสัญญาอีก 2 ปี มูลค่าที่ต้องชำระทั้งสิ้น 43.20 ล้านบาท ขนาดของรายการประมาณ ร้อยละ 9.12 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 การสละสิทธิการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินนี้ มูลค่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ต้องตกแก่เจ้าของที่ดิน ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าที่ดิน ประกอบด้วยอาคารสำนักงานสูง 11 ชั้น 6,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ใช้สอย 4,800 ตารางเมตร ในปัจจุบันบริษัทใช้เป็นพื้นที่สำนักงานของบริษัทเพียง 302 ตาราง เมตร ส่วนที่เหลือบางส่วนแบ่งให้ผู้อื่นเช่า (ประมาณ 70 %) มีรายได้จากค่าเช่าประมาณเดือนละ 450,000 บาท และมีโรงงานขนาด 1,600 ตารางเมตร , โรงอาหาร และ อาคารเก็บสินค้า ซึ่งได้ปลูก สร้างตั้งแต่ปี 2532 และมีมูลค่าตามบัญชีสุทธิรวมประมาณ 16 ล้านบาท หรือ ประมาณร้อยละ 3.38 ของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ การดำเนินงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเพื่อความสะดวกของลูกค้าของบริษัท เพราะในปัจจุบันสินค้าที่มีไว้เพื่อจำหน่ายทั้งหมดของบริษัททำการจัดเก็บอยู่ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนของ บริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา ตราด กม 18 ดังกล่าว และบริษัทสามารถใช้โรงงานที่ตั้งอยู่ในที่นี้ทำการ ผลิตหรือซ่อมแซมสินค้าเพื่อขายได้ เนื่องจากสินค้าอยู่ในอารักขาของกรมศุลกากรไม่สามารถเคลื่อนย้าย มายังโรงงานปัจจุบันที่อยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิตได้ อีกทั้งสามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทปีละ 21.60 ล้าน บาท อนึ่งในเรื่องการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น บริษัทได้รับอนุมัติให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนจาก กรมศุลกากรเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2545 สาเหตุที่บริษัทขอจัดตั้งนั้น เนื่องมาจากปัจจัยความเสี่ยงจาก ลูกหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการที่บริษัทต้องนำเข้าเครื่องจักรใช้แล้ว ซึ่งราคาประเมินของกรมศุลกากร สูง กว่าราคาตลาดมาก ทำให้บริษัทต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภาษีซื้อ)ที่สูงมาก ทำให้ ณ สิ้นปี 2544 บริษัท และบริษัทย่อยมีลูกหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 32.19 ล้านบาท ซึ่งกระทบต่อกระแสเงินสดในการดำเนิน ธุรกิจของบริษัทมาก หลังจากบริษัทได้รับอนุมัติจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนแล้ว ณ สิ้นปี 2545 บริษัทและ บริษัทย่อยมีลูกหนี้ภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงเหลือ 18.40 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546, 2547 บริษัทไม่มีลูกหนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มอีกเลย ซึ่งบริษัทได้เปิดเผยไว้ในแบบ 56-1 ปี 2544 และ ปี 2545 ในเรื่องปัจจัยความเสี่ยง การที่บริษัทจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน ณ ถนนบางนา ตราด กม 18 เนื่องจากมีคุณ สมบัติพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10,000 ตารางเมตร และภายในพื้นที่ดังกล่าวต้องมีอาคารเก็บของไม่น้อยกว่า 1,000 ตารางเมตร ตามคุณสมบัติที่กรมศุลกากรกำหนด ขณะที่พื้นที่ที่ถนนวิภาวดีรังสิตไม่มีคุณสมบัติ ตามที่กรมศุลกากรกำหนด อีกทั้งสินค้าที่นำเข้าก่อนที่บริษัทได้รับการจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนซึ่งจัดเก็บ ไว้ ณ โชว์รูมถนนวิภาวดีรังสิต เป็นสินค้าที่ได้ชำระภาษีอากรแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้ายไปเก็บที่คลังสินค้า ทัณฑ์บนได้ เนื่องจากคลังสินค้าทัณฑ์บนเก็บได้เฉพาะสินค้าที่ยังมิได้ชำระภาษีอากรใด ๆ บริษัทจึงยังไม่ สามารถย้ายสำนักงานใหญ่ได้ในขณะนั้น เนื่องจากยังมีความจำเป็นต้องใช้โชว์รูมและโรงงานที่ถนนวิภา วดีรังสิต เพื่อทำการผลิตและจำหน่ายสินค้า แต่ในปัจจุบันสินค้าเหล่านั้นได้ถูกทยอยจำหน่ายจนหมดสิ้น จึงคงเหลือสินค้าที่นำเข้าหลังจากได้รับอนุมัติและได้จัดเก็บที่ไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนดังกล่าวประกอบกับ สัญญาเช่าจะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายน 2548 บริษัทจึงเห็นควรย้ายที่ทำการสำนักงานใหญ่และโรง งานไปยังที่ดินและอาคารที่บริษัทเป็นเจ้าของ 6. บุคคลที่เกี่ยวโยง นางอนงค์รัตน์ ฉัตรจุฑามาส เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท 7. ลักษณะและขอบเขตส่วนได้เสียของบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน นางอนงค์รัตน์ ฉัตรจุฑามาส ถือหุ้นในบริษัท จำนวน 50 ,917,250 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 91.33 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท 8. กรรมการที่มีส่วนได้เสีย -ไม่มี- 9. ความเห็นของผู้บริหารแผน ผู้บริหารแผนมีความเห็นว่ารายการที่เกี่ยวโยงกันดังกล่าวข้างต้น เป็นรายการที่มีความเหมาะ สมและเป็นประโยชน์ต่อบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของ บริษัท และเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าของบริษัทมากยิ่งขึ้นที่สามารถติดต่อกับบริษัทและ ตรวจสอบสินค้าที่จะซื้อได้ในที่เดียวกัน และจากการที่สินค้าของบริษัททำการจัดเก็บอยู่ที่คลัง สินค้าทัณฑ์บนของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนบางนา ตราด กม 18 ดังกล่าว และบริษัทสามารถใช้ โรงงานที่ตั้งอยู่ในที่นี้ทำการผลิตหรือซ่อมแซมสินค้าเพื่อขายได้ เนื่องจากสินค้าอยู่ในอารักขา ของกรมศุลกากร ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายมายังโรงงานปัจจุบันที่ตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิตได้ อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทปีละ 21.60 ล้านบาท ดังนั้น การทำรายการดังกล่าวจึง มีความสมเหตุสมผล 10. ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ -ไม่มี- จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นางสาวศรีวิไล ฉัตรจุฑามาส ) ในฐานะผู้บริหารแผนของบริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) |