| ||
สรุปข้อสนเทศ บริษัท ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด จำกัด (มหาชน) (CPR) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: 78 หมู่ 2 ถนนพหลโยธิน (กิโลเมตรที่ 77.5) ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา 13170 โทรศัพท์ 0-3572-3324-7, 0-3572-3128-31 โทรสาร 0-3572-3323, 0-3572-3332 Home Page: http://www.cprgomu.com เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 17 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2548 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 17 มีนาคม 2548) ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นสามัญ 199,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 199,000,000 บาท โดยเป็นหุ้นสามัญเดิมจำนวน 144,000,000 หุ้น และเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 55,000,000 หุ้น ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ("mai") ราคาเสนอขาย 2.10 บาทต่อหุ้น ประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให้แก่ผู้ประกอบยานยนต์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยผลิตภัณฑ์ ของบริษัทฯ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม 1) ชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กสำหรับผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ ("OEM") บริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยางล้วน และยางติดเหล็กในลักษณะ OEM ให้กับบริษัทผู้ประกอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (First-Tier) ทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ ได้รับสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัท Kinugawa Rubber Industrial ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ของ Nissan Motor Group ใน การผลิตชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กบางประเภทอีกด้วย 2) ชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กเพื่อใช้สำหรับทดแทนชิ้น ส่วนที่เสียหรือสึกหรอ ("REM") บริษัทฯผลิตชิ้นส่วนยาง และยางติดเหล็กให้กับศูนย์ซ่อมของรถยนต์ยี่ห้อต่างๆและร้านขายอะไหล่รถยนต์ทั่วไป ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่ต้องจ่ายค่า เทคโนโลยีการผลิตสำหรับการผลิตสินค้า REM และปริมาณของชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กที่ผลิตให้กับศูนย์ซ่อม รถยนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้รถภายในประเทศเป็นหลัก 3) ชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กประเภทอื่นๆ บริษัทฯ ผลิตชิ้นส่วนยางล้วนและยางติดเหล็กสำหรับการใช้งาน ประเภทอื่นที่ไม่ได้ใช้สำหรับเป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เช่น ยางกันเสียดสี ยางร้อยสายไฟ และยางหุ้มสายเบรค เป็นต้น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (ถ้ามี) บริษัทฯ มีนโยบายที่จะดำเนินการผลิตควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ดำเนินการผลิตและบำบัดของ เสียตามกฎหมายและมาตรฐานของกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดไว้ และได้ผ่านการตรวจสอบจากกรม โรงงานตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับ ISO14000 ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความมีมาตรฐานทั้ง ในด้านการผลิตและการรักษาสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ สรุปสาระสำคัญของสัญญา บริษัทฯ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจาก Kinugawa Rubber Industrial (KG) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิต ชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให้กับ Nissan Motor Group และจาก Toyo Tire and Rubber (TTR) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้วิจัยและคิดค้นสูตรเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณลักษณะของชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กบางชิ้นของรถยนต์ นิสสัน โดยมีรายละเอียดสัญญาการถ่ายทอ เทคโนโลยี ดังนี้ สัญญาที่ 1 สัญญาที่ 2(เพิ่มเติม) สัญญาที่ 3(เพิ่มเติม) สัญญาที่ 4 คู่สัญญาของบริษัทฯ |------------Kinugawa Rubber Industrial Co., Ltd.----------------| Toyo Tire & Rubber Co., Ltd. วันที่ทำสัญญา 4 สิงหาคม 2538 18 พฤศจิกายน 2539 25 มกราคม 2542 16 ตุลาคม 2546 จำนวนโมเดลของ 8 โมเดล 22 โมเดล 2 โมเดล 1 โมเดล ชิ้นส่วนยางที่ระบุในสัญญา อายุสัญญา 10 ปี 10 ปี 10 ปี 8 ปี วันที่สิ้นสุดสัญญา 3 สิงหาคม 2548 17 พฤศจิกายน 2549 24 มกราคม 2552 15 ตุลาคม 2554 ค่าถ่ายทอดเทคโนโลยี 20,000,000 เยน 17,000,000 เยน 400,000 เยน 300,000 เยน ค่า Royalty fee |--3% ของยอดขายในแต่ละปีภายใน----------| - 3% ของยอดขาย ระยะเวลาของสัญญา ใ นแต่ละปีภายใน ระยะเวลาของสัญญา การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (ถ้ามี) -ไม่มี- การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดการ -ไม่มี- โครงการดำเนินงานในอนาคต (ถ้ามี) บริษัทฯ มีโครงการก่อตั้งบริษัท ยูชอน ไพพ์ (ไทยแลนด์) จำกัด (YCP) ร่วมกับ YULCHON Co.,Ltd. ในประเทศเกาหลี ซึ่งมีความชำนาญในธุรกิจรีดท่อเหล็ก โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กให้แก่บริษัทฯ สำหรับเป็นวัตถุดิบ ของชิ้นส่วนยางติดเหล็ก บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้จำนวน 20.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียน โดย YCP มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกที่ 40 ล้านบาท ในเบื้องต้นคาดว่า YCP จะมีกำลังการผลิตเท่ากับ 3,000 - 4,000 ตันต่อปี และการลงทุนใน YCP จะช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดค่าวัตถุดิบประเภทท่อเหล็กได้ประมาณร้อยละ 20 รายการระหว่างกัน ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งดังนี้ รายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 1. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: คุณนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล ลักษณะกิจการ: - ลักษณะความสัมพันธ์: ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: ในเดือนธันวาคม ปี 2545 บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัทฯ จากคุณนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล ในราคา 45 ล้านบาท โดย บริษัทฯ ได้ทยอยชำระหนี้ให้คุณนพดลจนครบถ้วนในเดือน กุมภาพันธ์ 2547 ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการมีที่ดินเป็นของบริษัทเอง จึงได้มีมติในการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวจากคุณนพดลใน ราคาทุนที่ คุณนพดล ซื้อที่ดินมารวมกับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงท ี่ดินเพื่อที่ จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกจำนวนหนึ่ง 2. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: คุณนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล ลักษณะกิจการ: - ลักษณะความสัมพันธ์: ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: ณ วันที่ 15 มีนาคม 2547 บริษัทฯ ซื้อหุ้น KGT จากคุณนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล จำนวน 0.75 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุน ของ KGT อีก 0.75 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จ่ายเงินชำระค่าหุ้นเด ิมให้กับ คุณนพดลในราคาหุ้นละ 5 บาท (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้น ละ 10 บาท) และเงินในส่วนร้อยละ 25 ของมูลค่าที่ตราไว้สำหรับหุ้น เพิ่มทุนรวม มูลค่าทั้งสิ้น 5.63 ล้านบาท ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: เนื่องจากคุณนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นผู้ บริหารของบริษัทฯ ทำให้การถือหุ้นใน KGT อาจจะมีความ ขัดแย้ง ทางผลประโยชน์เกิดขึ้นถึงแม้ว่า KGT จะเป็นผู้ผลิตสิ นค้าคนละ ชนิดกับบริษัทฯ บริษัทฯ จึงได้ติดต่อซื้อหุ้นจากคุณน พดล โดย คุณนพดลเสนอที่จะขายให้จำนวน 0.75 ล้านหุ้นในราคาหุ้ นละ 5 บาท (ราคาตามบัญชีที่ 1.39 บาทต่อหุ้น) บริษัทฯ ได้ตกลงซ ื้อเนื่องจาก เล็งเห็นว่า KGT คือ ผู้ผลิตสินค้าที่เป็นยางขอบประต ูและขอบ กระจกรถยนต์ที่มีศักยภาพ บริษัทฯ จึง คาดว่า KGT จะส ามารถทำ กำไรได้ในอนาคต 3. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตยางขอบประตูขอบกระจกสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 15 และมีคุณทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล รอง กรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 6 ของ KGT ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม จนกระทั่งถึงเดือน มิถุนายนปี 2546 บริษัทฯ ได้ให้คุณนพดล เช่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงง านที่ 2 ด้วยค่าเช่า จำนวน 1.45 ล้านบาท โดยคุณนพดลได้นำที่ดินนี้ไปให้บร ิษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) เช่าช่วงอีกทอดหน ึ่งด้วยค่า เช่าประมาณ 5.05 ล้านเยน (1.84 ล้านบาท) ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: เนื่องจากได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ของที่ดินมาเป็นของบริษัทฯ แล้ว ตั้งแต่ปลายปี 2545 แต่สัญญาเช่าโรงงานเดิมเป็นสัญ ญาเช่าระยะ ยาวที่ KGT มีกับคุณนพดลก่อนที่จะมีการชำระราคาค่าท ี่ดิน และ KGT ได้จ่ายเงินสำหรับค่าเช่าตลอดปีให้กับคุณนพดลแล ้ว คุณนพดล จึงต้องทำสัญญาเช่าที่ดินจากบริษัทฯ ในอัตรา 1.45 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือน (มกราคม - มิถุนายน 2546) และค ุณนพดล ได้ให้ KGT เช่าช่วงที่ดินอีกทอดหนึ่ง ได้รับเงินค ่าเช่าประมาณ 5.05 ล้านเยน (1.84 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม สัญญา การเช่าที่ ดินให้กับคุณนพดลได้ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาค ม 2546 เป็นต้นไป 4. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตเหล็กขึ้นรูปเพื่อใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และมีกรรมการร่วมกัน คือ คุณนพดล และคุณทศพล วณิชว ิศิษฎ์กุล ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: ในวันที่ 8 เมษายน 2547 CMI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้กู้ เงินจากคุณนพดล ณิชวิศิษฎ์กุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร ายใหญ่ของ บริษัทฯ และเป็นกรรมการใน CMI เป็นจำนวน 750,000 บาท โดย มีกำหนดระยะเวลาในการชำระคืน ในวันที่ 6 กันยายน 2547 ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ CMI เริ่มต้นดำเนินกิจการ และต้องการเงินกู้จำนวนดังกล่าวเพื่อนำไปซื้อเครื่อ งจักรปั๊มเหล็ก ที่ทาง CMI ได้ชำระไปบางส่วน โดยทางคุณนพดลไม่ได้ม ีการคิด ดอกเบี้ยกับ CMI แต่อย่างใด และเป็นการกู้เงินระยะสั ้น โดย CMI ได้ชำระหนี้คืนในวันที่ 6 กันยายน 2547 รายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายการค้าปกติ 1. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตยางขอบประตูขอบกระจกสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 15 และมีคุณทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล รอง กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 6 ของ KGT ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ มีการขายสินค้าให้แก่ บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: สำหรับปี 2546 รายการขายสินค้าให้กับ KGT มีมูลค่าเท่ากับ 1.82 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.76 ของรายได้รวมโ ดยมียอด ลูกหนี้การค้า KGT เป็นมูลค่าเท่ากับ 0.70 ล้าน บาท มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: สำหรับปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าให้กับ KGT เพิ่มขึ้นเป็น 2.53 ล้านบาท โดยมียอดลูกหนี้การค้ าเท่ากับ 0.38 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ให้เครดิตเทอมอยู่ที่ 60 วันหลัง จากบริษัทฯ ออกใบกำกับภาษีซึ่งเป็นเครดิตเทอมเท่ากับที่บริษัทฯ ให้กับผู้ผลิต ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ในประเทศรายอื่นๆ นโยบายราคา: บริษัทฯ ได้ขายสินค้าให้กับ KGT ในเงื่อนไขที่เป็นปกติธุรกิจ เช่นเดียวกับที่ขายให้กับกิจการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง กันและขายให้ ตามราคาต้นทุนการผลิตบวกด้วยอัตรากำไรที่บริษัทฯคิดก ับลูกค้า รายอื่นๆ ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: รายการขายสินค้าให้แก่ KGT เป็นการเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ ในส่วนของลูกหนี้การค้า บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายการขาย สินค้า และจะมีการให้เครดิตเทอมกับ KGT ต่อไปในอนาคตและอาจ จะมีการปรับเปลี่ยนระยะเวลาเครดิตเทอมและให้สอดคล้อง กับ ลูกค้ารายอื่นตามความเหมาะสม 2. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตยางขอบประตูขอบกระจกสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 15 และมีคุณทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล รอง กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 6 ของ KGT ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ มีซื้อส่วนผสมยางจาก KGT มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: ในปี 2546 บริษัทฯสั่งซื้อส่วนผสมยางจาก KGT เป็นมูลค่าเท่ากับ 0.02 ล้านบาท มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: ในปี 2547 บริษัทฯสั่งซื้อส่วนผสมยางจาก KGT เป็นมูลค่าเท่ากับ 0.91 ล้านบาท นโยบายราคา: บริษัทฯ ได้รับเครดิตเทอม 60 วันสำหรับการสั่งซื้อส่วนผสมยาง จาก KGT ซึ่งเป็นเครดิตเทอมเท่ากับที่บริษัทฯ ได้รับ จาก Supplier ทั่วไป ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณารายการระหว่างกันดังกล่าว ข้างต้น มีความเห็นว่ารายการดังกล่าวมีความจำเป็นเน ื่องจากหาก บริษัทฯ ไม่สั่งซื้อส่วนผสมยางจาก KGT ทาง KGT ก็สาม ารถ ที่จะไปว่าจ้างให้ผู้อื่นผลิตให้แทน และบริษัทฯ ก็ได ้คิดค่าจ้างในการ ผลิตโดยไม่รวมค่าส่วนผสมของยางในราคาที่มีอัตราส่วนก ำไร อย่างเหมาะสม 3. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตเหล็กขึ้นรูปเพื่อใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และมีกรรมการร่วมกัน คือ คุณนพดล และ คุณทศพล วณิชวิ ศิษฎ์กุล ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ มีรายการซื้อสินค้าประเภทเหล็กขึ้นรูปเพื่อเป็นวัตถุดิบใน การผลิตยางติดเหล็กจาก CMI มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: - มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: CMI เริ่มดำเนินการผลิตในเดือนมีนาคม 2547 ที่ผ่านมา และ สำหรับในระยะเวลา 10 เดือน(มีนาคม-ธันวาคม 2547) บริ ษัทฯ มี ยอดการสั่งซื้อเหล็กขึ้นรูปจาก CMI เป็นมูลค่าประมาณ 16.24 ล้านบาท โดยมียอดเจ้าหนี้การค้ากับ CMI เป็นมูลค่า ประมาณ 4.65 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้รับเครดิต 60 วันหลัง จากที่ บริษัทฯ ออกใบกำกับสินค้า ซึ่งเท่ากับเครดิตเทอมปกต ิของ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อื่น นโยบายราคา: บริษัทฯ ได้ซื้อเหล็กขึ้นรูปจาก CMI ในเงื่อนไขที่เป็นปกติเช่นเ ดียว กับที่ CMI ขายให้กับบริษัทอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณารายการระหว่างกันข้างต้นแล้ว เห็นว่ารายการดังกล่าวมีความจำเป็นและสมเหตุสมผล เนื ่องจาก การซื้อวัตถุดิบประเภทเหล็กขึ้นรูปเพื่อใช้เป็นวัตถุ ดิบในการผลิต ยางติดเหล็กจาก CMI นั้นเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตขอ ง บริษัทฯ เนื่องจากโรงงานของ CMI ตั้งอยู่ในเขตโรงงานข องบริษัทฯ จึงทำให้ประหยัดค่าขนส่ง อีกทั้งบริษัทยังสามารถควบค ุมคุณภาพ ของเหล็กขึ้นรูปและเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารสินค ้าคงคลัง อีกด้วย ค่าบริการต่างๆ 4. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตยางขอบประตูขอบกระจกสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 15 และมีคุณทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 6 ของ KG T ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ ได้ทำสัญญาให้บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) เช่าที่ดินและพื้นที่โรงงานที่ 2 เพื่อดำเนิน กิจการ โดยมีระยะ เวลาของสัญญาเช่าตั้งแต่ปี 2546 ถึง ปี 2551 มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546 และปี 2547: บริษัทฯ คิดค่าเช่าประมาณ 10.91 ล้านเยนต่อปี (ประมาณ 4.07 ล้านบาท) นโยบายราคา: บริษัทฯ ให้เช่าที่ดินและโรงงานที่ 2 โดยคิดราคาค่าเช่าที่ดินแล ะพื้น ที่โรงงานเท่ากับ 265 เยนต่อตารางเมตร (อัตราแลกเปลี ่ยนเท่ากับ 0.37 บาทต่อเยน) ซึ่งเป็นค่าเช่าที่ใกล้เคียงค่าเช่า โรงงานในพื้นที่ใกล้ เคียงกันที่มีอัตราค่าเช่าประมาณ 100 บาทต่อตารางเมต ร ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: บริษัทฯ ให้ KGT เช่าที่ดินและโรงงานที่ 2 เนื่องจาก KGT เป็น ลูกค้าของบริษัทฯ และเป็นบริษัทลูกของ KG ประเทศญี่ป ุ่น ซึ่งเป็นผู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให ้กับ บริษัทฯ เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีทางธุรกิ จกับ KG และ KGT และเพื่อความสะดวกในการถ่ายทอดเทคโนโลยี 5. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตยางขอบประตูขอบกระจกสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 15 และมีคุณทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล รอง กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 6 ของ KGT ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: ในรายการสินทรัพย์ในส่วนของลูกหนี้อื่น ๆ กับ บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ประกอบด้วยค่าเช่าอาคารแล ะค่าไฟฟ้า มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: บริษัทฯ มียอดลูกหนี้อื่นๆ กับ KGT เป็นมูลค่าเท่ากับ 1.95 ล้านบาท ในปี 2546 มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: บริษัทฯ มียอดลูกหนี้อื่นๆ กับ KGT เป็นมูลค่าเท่ากับ 0.30 ล้านบาท ในปี 2547 มูลค่าที่ลดลงเนื่องจากทาง KGT ได้ชำระยอด หนี้ค้างรับในส่วนของค่าเช่าอาคารทั้งหมดรวมถึงค่าเช ่าอาคารในปี 2547 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2547 ส่วนค่าไฟฟ้าทางบริษั ทฯ จะ เรียกเก็บจากKGT ภายใน 30 วันหลังจากที่บริษัทฯ ออกใ บกำกับ ภาษี อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าจะให้ทาง KGT เป็นผู ้รับผิด ชอบค่าไฟเองในอนาคต นโยบายราคา: - ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณารายการระหว่างกันข้างต้นแล้ว เห็นว่ารายการระหว่างกันดังกล่าวมีความจำเป็นเนื่องจ ากมีการติด ตั้งมิเตอร์เพียงเครื่องเดียวและทางบริษัทฯ ก็ได้มีก ารติดตามจัด เก็บเงินที่ได้จ่ายไปล่วงหน้าตามอัตราที่สมเหตุสมผล แ ละบริษัทฯก็ มีนโยบายที่จะกำหนดให้มีการติดตั้งมิเตอร์แยกตามการใ ช้งานจริง ของแต่ละบริษัทเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจนในอนาคต 6. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตเหล็กขึ้นรูปเพื่อใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และมีกรรมการร่วมกัน คือ คุณนพดล และ คุณทศพล วณิชว ิศิษฎ์กุล ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ ได้ทำสัญญาให้ บริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) ที่เป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เช่าที่ดินและพื้ นที่โรงงาน ขนาด 630 ตารางเมตร เพื่อดำเนินกิจการ โดยมีระยะเวลา ของ สัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 จนกระทั่งถึง 31 ธันวาคม 2547 โดยบริษัทฯ คิดค่าเช่าในอัตรา 31,500 บาท/เดือน มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: - มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: บริษัทฯ มียอดค่าเช่าที่ได้รับจาก CMI เป็นมูลค่าเท่ากับ 0.38 ล้านบาท นโยบายราคา: อัตราค่าเช่าดังกล่าวเป็นการให้เช่าในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตล าด ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณารายการระหว่างกันข้างต้น แล้วเห็นว่ารายการดังกล่าวทำให้เกิดรายได้ส่วนหนึ่งก ับบริษัทฯ และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เนื่องจากมี แหล่งวัตถดิบ ที่อยู่ใกล้กับบริษัทฯ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง 7. บุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง: บริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) ลักษณะกิจการ: ผู้ผลิตเหล็กขึ้นรูปเพื่อใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ลักษณะความสัมพันธ์: บริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และมีกรรมการร่วมกัน คือ คุณนพดล และ คุณทศพล วณิชวิ ศิษฎ์กุล ลักษณะ/ขนาดของรายการระหว่างกัน: บริษัทฯ มียอดลูกหนี้อื่นๆ ในรายการสินทรัพย์กับบริษัทซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด ("CMI") โดยยอดลูกหนี้อื่ นๆ ประกอบ ด้วยค่าเช่าโรงงานและค่าไฟฟ้า มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2546: - มูลค่ารายการระหว่างกันในปี 2547: ตั้งแต่เดือนมีนาคมซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มดำเนินการ จนกระทั่งเดือน ธันวาคม 2547 มีมูลค่าประมาณ 0.62 ล้านบาท นโยบายราคา: บริษัทฯ มีนโยบายในการเรียกเก็บค่าเช่าโรงงานและค่าไฟฟ้ากับ CMI เป็นรายเดือน โดยจะเรียกเก็บภายใน 30 วันหลังจาก วันออก ใบกำกับภาษีทั้งค่าเช่าโรงงานและค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ต ามในส่วน ของค่าไฟฟ้า บริษัทฯ คาดว่าจะให้ทาง CMI เป็นผู้รับผ ิดชอบค่า ไฟฟ้าเองในอนาคต ความจำเป็นและความสมเหตุสมผล: คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณารายการระหว่างกันข้างต้นแล้ว เห็นว่ารายการระหว่างกันดังกล่าวมีความจำเป็นเนื่องจ ากมีการติด ตั้งมิเตอร์เพียงเครื่องเดียวและทางบริษัทฯ ก็ได้มีกา รติดตามจัด เก็บเงินที่ได้จ่ายไปล่วงหน้าตามอัตราที่สมเหตุสมผล และบริษัทฯ ก็มีนโยบายที่จะกำหนดให้มีการติดตั้งมิเตอร์แยกตามกา รใช้งาน จริงของแต่ละบริษัทเพิ่มเติมเพิ่มเพื่อความชัดเจนในอ นาคต ภาระผูกพัน -ไม่มี- ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ สามารถสรุปได้ดังนี้ 1. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงกลุ่มบริษัทในเครือ Nissan Motor Group ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทฯ มีลูกค้ารายใหญ่ คือ บริษัทในเครือ Nissan Motor Group ("Nissan") ซึ่งประกอบไปด้วย Kinugawa Rubber Industrial ("KG") บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด ("สยามนิสสัน") บริษัท ฯ ได้มีการขายชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ของสยามนิสสัน และขายชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให้กับ KG เพื่อนำไปส่งให้กับโรงงานประกอบรถยนต์ในต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง โดยสัดส่วนของรายได้จากบริษัทในเครือ Nissan คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 74.69, 77.18, 69.70 และ 60.16 ของรายได้ รวมตามงบการเงินในปี 2544, 2545, 2546 และ 2547 ตามลำดับ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงของการพึ่งพิงกลุ่มบริษัทในเครือนิสสัน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ ในอนาคต จึงได้มีความพยายามในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากลูกค้าราย อื่นๆ เช่น ผู้ประกอบรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ (มิตซูมิชิ ฮอนด้าและฟอร์ด) ผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์รายอื่นที่มีศักยภาพ (สยามคายาบ้า) และผู้ประกอบรถ จักรยานยนต์ (ยามาฮ่า) เป็นต้น ดังที่เห็นจาก การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้ที่ไม่ได้มาจากบริษัทในเครือนิสสันที่ มีแนวโน้มเพิ่มมาโดยตลอด โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.45, 22.40, 28.50 และ 37.44 ในปี 2544, 2545, 2546 และ 2547 ตามลำดับ 2. ความเสี่ยงจากการหมดอายุของสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจาก Kinugawa Rubber Industrial บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในการผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กให้ กับสยามนิสสัน โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การผลิตจาก KG ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยางให้กับนิสสัน ในปี 2538 และ 2539 บริษัท ฯ ได้ทำสัญญาซื้อเทคโนโลยีการ ผลิตสำหรับชิ้นส่วนยางจำนวน รวม 30 โมเดล ซึ่งเป็นชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กสำหรับรถยนต์ นั่งและรถปิคอัพยี่ ห้อนิสสันที่ผลิตในประเทศไทย โดยมีระยะเวลา ของสัญญาเท่ากับ 10 ปี เนื่องจากสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการ ผลิตดังกล่าวข้างต้นจะสิ้นสุดลงในปี 2548 จำนวน 8 โมเดล และใน ปี 2549 จำนวน 22 โมเดล ซึ่งเป็นเวลาที่คาดว่าทาง นิสสันจะมีการ ออกรถโมเดลใหม่ บริษัทฯ จึงมีความเสี่ยงหากไม่ได้รับการต่อ สัญญาเทคโนโลยีจาก KG ทำให้อาจจะ มีผลกระทบต่อรายได้ของ บริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ในปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสำหรับชิ้นส่วนยางและยาง ติดเหล็กตามสัญญาเทคโนโลยีการผลิต ที่จะสิ้นสุดในปี 2548 และปี 2549 เป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 6.34 ของยอด ขายรวม แต่ยอดขายชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็ก ของรถนิสสันอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีมีการ ผูกติดกับชิ้นส่วนยางที่มีเทคโนโลยีการผลิต ทำให้การไม่ได้รับต่ออายุ สัญญาเทคโนโลยีการผลิตอาจจะส่งผลกระทบต่อ ยอดขายในส่วน ของนิสสัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความเสี่ยงหาก KG อาจทำการ ผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็ก สำหรับรถนิสสันที่ประกอบในประเทศไทยด้วยตนเอง หรือให้บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด (KGT) ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ KG ทำการผลิตให้หรือ KG อาจทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยางและยางติด เหล็ก ในประเทศในกลุ่ม AFTA หรือประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูก เช่น ประเทศจีน ทำการผลิตและส่งเข้ามายังสยามนิสสัน อย่างไร ก็ตามเนื่องจากบริษัทฯ และ KG มีความสัมพันธ์กันมาเป็นเวลานาน อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้รักษาระบบมาตรฐาน QCDM (Quality, Cost, Delivery, and Management) ซึ่งกำหนดโดยทาง Nissan Motor Group อยู่เสมอมา ทำให้บริษัทฯ คาดว่ามีแนวโน้มที่ KG จะต่อสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตกับบริษัทฯ ออกไปอีก 3. ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในราคาวัตถุดิบ บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กที่เป็นส่วนประกอบของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยวัตถุดิบ หลักของ บริษัทฯ ประกอบไปด้วย ยางดิบ ยางสังเคราะห์ เหล็กขึ้นรูป และ ท่อเหล็ก และวัตถุดิบปลีกย่อยอื่น เช่น น้ำมัน และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของ ราคาวัตถุดิบซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อ ผลการดำเนินการของ บริษัทฯ ในช่วงปี 2546 บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยการเข้าร่วมประมูล ยางดิบโดยตรงจากตลาด ประมูลยางที่จังหวัดกาญจนบุรี และในปี 2547 บริษัทฯ ได้นำเข้า เหล็กท่อจากประเทศเกาหลี ซึ่งมีราคาถูกว่าท่อเหล็กที่จัดซื้อภายใน ประเทศ นอกจากนี้หากราคาของวัตถุดิบทั้งวัตถุดิบประเภทยาง และเหล็กมีการปรับ ตัวสูงขึ้นและไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต บริษัทฯ อาจจะพิจารณาในการเจรจากับลูกค้าเพื่อเพิ่มราคาขาย โดยอาจ จะเจรจาเพื่อแบ่งกันรับภาระของการปรับตัวสูงขึ้นของวัตถุดิบดังกล่าว 4. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากบริษัทฯ มีการขายสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ และได้รับเงินรายได้จากการจำหน่ายสินค้ามาเป็นเงินสกุลเยน จึงทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน หากเงินเยนอ่อนตัวลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ รายได้ของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นสัดส่วนเท่ากับ ร้อยละ 41.34, 40.15 และ 33.66 ของรายได้รวมในปี 2545, 2546 และ 2547 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะไม่มีการ ป้องกันความเสี่ยงจาก อัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวในรูปแบบของการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) บริษัทฯ ก็ได้มีการตรวจสอบและเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเยนญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด 5. ความเสี่ยงจากโครงการใหม่ บริษัทฯ ได้ลงทุนในธุรกิจปั๊มเหล็ก คือ บริษัท ซีจีไอ เมทัล อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) เพื่อผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนเหล็ก ที่จะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิ้นส่วนยางติดเหล็กของบริษัทฯ ใน เดือนกุมภาพันธ์ 2547 โดย CMI มีทุนจดทะเบียน เริ่มแรกจำนวน 12.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทฯ จำนวน 7.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียน ทั้งหมด ต่อมา CMI ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 20 ล้านบาท สำหรับในส่วนเพิ่มทุนมี การเรียกชำระทุนแล้วร้อยละ 25 และ บริษัทฯ ได้มีการลงทุนใน CMI เพิ่มเป็นจำนวน 1.62 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีสัดส่วนการ ลงทุนในCMI ร้อยละ 70 ของ ทุนจดทะเบียน โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง CMI เพื่อผลิตเหล็กขึ้นรูปที่เป็นวัตถุดิบหลักอีกประเภท หนึ่งของบริษัทฯ เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิตยางติดเหล็กให้กับบริษัทฯ บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงเนื่องจากขาดความรู้ความชำนาญ ในการดำเนินธุรกิจปั๊มเหล็ก บริษัทฯ จึงได้ร่วมทุนกับนายรังสรรค์ บุษย์จันทร์ ผู้ที่มีความชำนาญในการออกแบบแม่พิมพ์ และมีประสบการณ์ในธุรกิจปั๊มเหล็กมาเป็นเวลานานโดยไม่ได้มีสัญญาการร่วมทุนแต่อย่างใด โดยเป็นการร่วมลงทุนใน ลักษณะที่ นายรังสรรค์ บุษย์จันทร์ ทำการโอนเครื่องจักรและลูกค้าของบริษัทโกโจ เอ็นจิเนียริง จำกัด มาให้กับ CMI และปิดกิจการของบริษัท ดังกล่าว และมอบหมายให้นายรังสรรค์ บุษย์จันทร์ บริหาร CMI ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ จึงมีความเสี่ยงหากในอนาคต นายรังสรรค์ บุษย์จันทร์ ลาออกจาก CMI หรือก่อตั้งบริษัทของตน เอง ทำให้บริษัทฯ จะต้องสรรหาตัวกรรมการผู้จัดการที่มีความ ชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจปั๊มเหล็กใหม่ 6. ความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50 ก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ กลุ่มวณิชวิศิษฎ์กุลซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารบริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 82.66 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด แต่ภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน กลุ่มวณิชวิศิษฎ์กุลจะคงเหลือการถือหุ้นใน บริษัทฯ เท่ากับร้อย ละ 59.82 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด และกลุ่มวณิชวิศิษฎ์กุลยังคงสามารถควบคุมมติที่ประชุม ผู้ถือหุ้นได้เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งกรรมการ หรือการขอมติในเรื่องอื่นที่ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม ผู้ถือหุ้น ยกเว้นเรื่องที่กฎหมายหรือข้อบังคับบริษัทกำหนดให้ต้องได้รับเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของที่ประชุม ผู้ถือหุ้น ดังนั้นผู้ถือหุ้นรายอื่นจึงอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลเรื่องที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เสนอได้ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของตระกูลวณิชวิศิษฎ์กุล จำนวน 3 ท่าน ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทฯ และทั้ง 3 ท่านเป็น กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ โดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนามท่านใดท่านหนึ่งสามารถลงนามผูกพันบริษัทฯ ได้ ซึ่งทำให้ บริษัทฯ มีความเสี่ยงจากการที่กรรมการในกลุ่มวณิชวิศิษฎ์กุล สามารถลงนามผูกพันบริษัทฯ ในเรื่องของ การดำเนินกิจการได้ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าวและได้มีการกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรม การชุดต่างๆ และอำนาจหน้า ที่ของกรรมการผู้จัดการอย่างชัดเจน 7. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้บริหาร เนื่องด้วยบริษัท ซีพีอาร์โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) ก่อตั้ง และประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการด้วยแนว ทางการบริหารงานของผู้บริหารบริษัทฯ คือ นายนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ มาโดยตลอด เสมือนหนึ่งว่าบริษัทฯ ต้องพึ่งพานาย นพดล วณิชวิศิษฎ์กุล บริษัทฯ จึงมีความเสี่ยงจากการที่กลุ่มของ นายนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล อาจลดสัดส่วน การถือหุ้นในบริษัทฯ ลงหรือออกจากการเป็นผู้บริหารของกิจการ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึง ความเสี่ยงในการพึ่งพิงในตัว ผู้บริหารดังกล่าวและได้มีนโยบายที่จะผลักดันให้มีการบริหารงานในลักษณะของทีมงานมากขึ้นในอนาคต กรณีพิพาท -ไม่มี- จำนวนพนักงาน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 บริษัทฯ มีจำนวนพนักงานประจำรวม ทั้งสิ้น 365 คน (ไม่รวมผู้บริหาร) แบ่งเป็นพนักงานประจำสำน ัก งานจำนวน 30 คน และพนักงานประจำโรงงานจำนวน 335 คน ประวัติความเป็นมาโดยสรุป บริษัท ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 และมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก จำนวน 100 ล้านบาท บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์เพียงเจ้าเดียว ในประเทศไทยที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก KG ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยางและยางติดเหล็กสำหรับใช้เป็นชิ้นส่วน ประกอบรถยนต์ของนิสสัน บริษัทฯ เริ่มดำเนินการผลิตในปี 2541 ด้วยโรงงานจำนวน 2 หลัง และอาคารสำนักงาน 1 หลัง ต่อมาในปี 2544 บริษัท Kinugawa Rubber Industrial ได้ตั้งบริษัทลูกในประเทศไทยคือ บริษัท คินูงาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ("KGT") และได้เช่าพื้นที่อาคารโรงงานที่ 2 ของบริษัทฯ เพื่อดำเนินกิจการ ต่อมาในปี 2545 และปี 2546 บริษัทฯ ได้ก่อสร้างโรงงานที่ 3 และ 4 ตามลำดับ เพื่อขยายกำลังการผลิตตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ในปี 2547 บริษัทฯ ได้ก่อ สร้างโรงงานที่ 5 เพื่อขยายกำลังการผลิตตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและได้ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท ซีจีไอ เมททัล อินดัสเตรียล จำกัด ("CMI") โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินธุรกิจปั๊มเหล็กเพื่อจำหน่ายเป็นวัตถุดิบให้แก่บริษัทฯ สำหรับ ผลิตชิ้นส่วนยางติดเหล็ก บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2547 และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 199 ล้านบาท โดยจะเรียกชำระเต็มหลังจากได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนแล้ว เงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วม/บริษัทที่เกี่ยวข้อง ชื่อบริษัท ลักษณะธุรกิจ ทุนชำระแล้ว สัดส่วนเงินลงทุน มูลค่าเงิน ลงทุน (ล้านบาท) (ร้อยละ) (ตามราคาทุน) 1. บริษัท คินูงาว่า (ไทยแลนด์) ชิ้นส่วนยางประกอบ 100.00 15 11.25 จำกัด (KGT) รถยนต์ 2. บริษัท ซีจีไอ เมททัล ธุรกิจปั๊มเหล็ก 20.00 70 9 .12 อินดัสเตรียล จำกัด (CMI) 3. บริษัท ยูชอน ไพพ์ ธุรกิจรีดท่อเหล็ก 40.00 51 5.10 (ไทยแลนด์) จำกัด (YCP) การเพิ่ม (ลด) ทุนในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา วัน/เดือน/ปี ทุนที่ (ลด) เพิ่ม หลังเพิ่ม (ลด) ทุน หมายเหตุ/ (ล้านบาท) (ล้านบาท) วัตถุประสงค์การใช้เงิน กุมภาพันธ์ 2547 40 144 ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน กรกฎาคม 2547 55 199 ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รอบระยะเวลาบัญชี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ผู้สอบบัญชี ชื่อ: นางสาวซูซาน เอี่ยมวณิชชา บริษัท สำนักงาน เอ เอ็ม ซี จำกัด นายทะเบียนหุ้น บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) นโยบายการจ่ายเงินปันผล บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการดำเนินงาน และปัจจัยอื่นๆ ที่ เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทฯ และจะต้องได้รับความเห็น ชอบจากคณะกรรมการบริษัทฯ และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นตาม ความเหมาะสมด้วย คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2548 ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2548 อนุมติให้มีการจ่ายเงินปันผล ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้ง สิ้น 23.88 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2548 ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้น ในวันที่ 29 เมษายน 2548 เพื่อขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการ จ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพ ื่อ สิทธิในการร่วมประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 8 เมษายน 2548 บัตรส่งเสริมการลงทุน -ไม่มี- จำนวนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปรากฏดังนี้ จำนวนราย จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำร ะแล้ว 1. ผู้ถือหุ้นสามัญที่เป็น Strategic Shareholder 1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ - - - 1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึง ผู้ที่เกี่ยวข้อง 19 141,234,000 70 .97 1.3 ผู้ถือหุ้น > 5% โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย - - - 1.4 ผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงในการห้ามขายหุ้นภาย ในเวลาที่กำหนด - - - 2. ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Non-Strategic 1,206 57,766,000 29.03 shareholders) ที่ถือไม่ต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย 3. ผู้ถือหุ้นสามัญที่ถือต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย - - - รวมผู้ถือหุ้นสามัญทั้งสิ้น 1,225 199,000,000 100.00 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปรากฏดังนี้ ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุ นชำระแล้วทั้งหมด 1. นายนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล 64,406,990 32.37 2. นางศศิธร ณิชวิศิษฎ์กุล 14,330,000 7.20 3. พันโทเอกกมล คังคะเกตุ 10,450,000 5.25 4. นายทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล 10,350,000 5.20 5. น.ส.มนัญญา วณิชวิศิษฎ์กุล 9,950,000 5.00 6. น.ส.วันวิสาข์ วณิชวิศิษฎ์กุล 9,950,000 5.00 7. นายรชานนท์ วณิชวิศิษฎ์กุล 9,950,000 5.00 8. น.ส.กัญญาณี มุจจลินทร์กูล 5,970,000 3.00 9. น.ส.ดาราวรรณ วุฒิศิริ 5,970,000 3.0 0 10. CITIBANK NOMINEES SINGAPORE PTE LTD. 2,000,000 1.01 รวม 143,326,990 72.02 ผู้ถือหุ้นต่างด้าว ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2548 บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นต่างด้าว 5 ราย ถือหุ้นจำนวน 2,040,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.03 ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้ว หมายเหตุ: บริษัทฯ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่า ง ด้าวตามข้อบังคับของบริษัทฯ ข้อ 10 ว่า "หุ้นของบริษัทโอนได้ อย่างเสรีโดยไม่มีข้อจำกัด เว้นแต่การโอนหุ้นนั้นเป็นเหตุให้คนต่า ง ด้าวถือหุ้นอยู่ในบริษัทเกินกว่าร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่ จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท การโอนหุ้นรายใดที่จะทำให้ อัตราส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวในบริษัทเกินอัตราส่วนข้างต้น บริษัทมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนการโอนหุ้นรายนั้นได้" คณะกรรมการ ชื่อ ตำแหน่ง วันที่เริ่มดำรงตำแหน่ง 1. นายสมบูรณ์ เสงี่ยมบุตร ประธานกรรมการ 30 มิถุนายน 2547 2. นายนพดล วณิชวิศิษฎ์กุล กรรมการ 4 ธันวาคม 2539 3. นายทศพล วณิชวิศิษฎ์กุล กรรมการ 12 กันยายน 2546 4. นางศศิธร วณิชวิศิษฎ์กุล กรรมการ 4 ธันวาคม 2539 5. นายนิวัติ มุจจลินทร์กูล กรรมการ 24 ตุลาคม 2545 6. นายกิตติพล มุจจลินทร์กูล กรรมการ 30 มิถุนายน 2547 7. พันโทเอกกมล คังคะเกตุ กรรมการ 30 มิถุนายน 2547 8. พันเอกวีระ สวัสดี กรรมการ 30 มิถุนายน 2547 9. นายอรัญ ศรีว่องไทย ประธานกรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 10. นายธวัช จิตรไกรสร กรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 11. นายพงษ์ธร แซ่อุย กรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 คณะกรรมการตรวจสอบ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 4/2547 ประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2547 ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของ บริษัทฯ ประกอบด้วยกรรมการทั้งหมด 3 ท่านดังมีรายชื่อต่อไปนี้ ชื่อ ตำแหน่ง วันที่เริ่มดำรงตำแหน่ง 1. นายอรัญ ศรีว่องไทย ประธานกรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 2. นายธวัช จิตรไกรสร กรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 3. นายพงษ์ธร แซ่อุย กรรมการตรวจสอบ 30 มิถุนายน 2547 ขอบเขต หน้าที่ และความรับผิดชอบ คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่และความรับผิดชอบตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ และให้รายงานตรงต่อคณะกรรมการบริษัทฯ 1. สอบทานให้บริษัทฯ มีรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องและเพียงพอ 2. สอบทานให้บริษัทฯ มีระบบการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิผล 3. สอบทานให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ 4. พิจารณา คัดเลือก เสนอแต่งตั้ง และเสนอค่าตอบแทนของผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ 5. พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทฯในกรณีที่เกิดรายการเกี่ยวโยงกันหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผล ประโยชน์ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน 6. จัดทำรายงานการกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการตรวจสอบโดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทฯ ซึ่ง รายงานดังกล่าวต้องลงนามโดยประธานคณะกรรมการตรวจสอบ 7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทฯมอบหมายด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2547 ได้มีมติให้การดำรงตำแหน่งกรรมการ อิสระและกรรมการตรวจสอบมีวาระ 1 ปี และเมื่อบริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ให้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี เงื่อนไขในการรับหลักทรัพย์ -ไม่มี- ระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic shareholders) ที่ถือหุ้นจำนวน 129,350,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 65 ของทุนชำระ แล้วหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ให้คำรับรองต่อตลาด หลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหุ้นจำนวนดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นระยะ เวลา 1 ปี 6 เดือนนับแต่วันที่หลักทรัพย์ของบริษัทเริ่มทำการซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทุกๆ 6 เดือน ผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหุ้นหรือ หลักทรัพย์ที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้น หรือหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย และเมื่อครบกำหนด 1 ปี 6 เดือนสามารถขายส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด การผ่อนผันของตลาดหลักทรัพย์ -ไม่มี- อื่นๆ ที่สำคัญ (ถ้ามี) -ไม่มี- สถิติ (STATISTICAL SUMMARY) บริษัทซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) I------------------- พันบาท ------------I------------ บาท/หุ้น* ----------------------------I ปีบัญชี รายได้รวม กำไร(ขาดทุน)สุทธิ กำไร(ขาดทุน) เงินปันผล มูลค่าหุ้นตามบัญชี เงินปันผลต่อ กำไร (%) 2544* 102,571 2,172.83 0.22 - 10.34 - 2545* 177,758 16,821.01 1.68 - 12.02 - 2546* 241,808 37,181.03 3.72 4.948 13.24 ** 2547** 303,609 47,696.88 0.35 - 1.39 - * มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ** มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท บริษัทซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย I------------------- พันบาท ------------I------------------ บาท/หุ้น* ---------------------I ปีบัญชี รายได้รวม กำไร(ขาดทุน)สุทธิ กำไร(ขาดทุน) เงินปันผล มูลค่าหุ้นตามบัญชี เงินปันผลต่อ กำไร (%) 2544* 102,571 2,172.83 0.22 - 10.34 - 2545* 177,758 16,821.01 1.68 - 12.02 - 2546* 242,479 37,181.03 3.72 4.948 13.24 ** 2547** 308,289 47,696.88 0.35 - 1.03 - * มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ** มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท บริษัทซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) สำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม (หน่วย: พันบาท) ปี 2544 ปี 2545 ปี 2546 ปี 2547 ฐานะทางการเงิน เงินสดและเงินฝากธนาคาร 6,220 3,957 36,690 9,628 ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ 6,174 37,092 40,752 49,887 สินค้าคงเหลือ 3,285 6,682 25,198 37,865 สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ 123 1,247 6,977 1,452 เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย 0 0 0 14,562 เงินลงทุนในบริษัทอื่น 0 0 0 2,170 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ 89,675 165,243 187,987 245,551 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 45 89 137 96 รวมสินทรัพย์ 105,521 214,310 297,741 361,211 เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย 1,372 13,987 17,814 16,991 หนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี 0 0 17,908 23,089 ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 410 6,056 14,331 15,500 เงินกู้ยืมกรรมการ 0 49,638 37,000 0 เงินปันผลค้างจ่าย 0 0 25,000 0 เจ้าหนี้อื่นและตั๋วเงินจ่าย 0 24,060 0 0 หนี้สินหมุนเวียนอื่น 122 330 17,453 22,5 58 เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน 0 0 35,816 82,473 เงินกู้ยืมจากกรรมการและบริษัทที่เกี่ยวข้อง 200 0 0 0 รวมหนี้สิน 2,104 94,071 165,321 160,6 12 ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100,000 100,000 100,000 144,000 ส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการ 0 0 0 963 ถือหุ้นในบริษัทย่อย กำไรสะสมและสำรองตามกฎหมาย 3,417 20,238 32,419 55,636 ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 0 0 0 0 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 103,471 120,238 132,419 200,599 รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 105,521 214,310 297,741 361,211 ผลการดำเนินงาน รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 101,694 177,018 238,117 296,331 ต้นทุนขาย 85,282 126,862 136,395 169,74 0 กำไรขั้นต้น 16,413 50,155 101,722 126, 591 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 14,086 26,578 50,066 57,345 กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน 2,326 23,577 51,656 69,245 รายได้อื่นๆ 877 740 3,691 7,278 ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย 0 0 0 626 กำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลและดอกเบี้ยจ่าย 3,203 24,317 55,348 75,898 ดอกเบี้ยจ่าย 0 0 609 3,374 กำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 3,203 24,317 54,738 72,523 ภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,030 7,496 17,557 24,8 26 กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 0 0 0 0 กำไรสุทธิ 2,173 16,821 37,181 47,697 กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 1.68 3.72 0.35 งบกระแสเงินสด เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 36,633 37,498 45,120 เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน (43,334) (41,980) (106,541) เงินสดสุทธิจาก(ใช้ไป)ในกิจกรรมจัดหาเงิน 4,438 37,215 34,359 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) สุทธิ (2,263) 32,733 (27,062) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต้นงวด 6,220 3,957 36,690 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายงวด 3,957 36,690 9,628 บริษัทซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย สำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม (หน่วย: พันบาท) ปี 2544 ปี 2545 ปี 2546 ปี 2547 ฐานะทางการเงิน เงินสดและเงินฝากธนาคาร 6,220 3,957 36,690 11,939 ลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับ 6,174 37,092 40,897 50,641 สินค้าคงเหลือ 3,285 6,682 25,198 39, 453 ลูกหนี้กรมสรรพากร 0 1,059 1,042 0 สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ 123 188 5,790 1,478 งานระหว่างก่อสร้าง-อาคารโรงงาน 0 20,910 0 0 เงินลงทุนในบริษัทอื่น 0 0 0 2,170 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์สุทธิ 89,675 144,333 187,987 254,576 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 45 89 137 287 รวมสินทรัพย์ 105,521 214,310 297,741 360,544 เจ้าหนี้การค้าและตั๋วเงินจ่าย 1,372 13,987 17,814 15,811 หนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี 0 0 17,908 23,089 ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย 410 6,056 14,331 15,500 เงินกู้ยืมกรรมการ 0 49,638 37,000 221 เงินปันผลค้างจ่าย 0 0 25,000 0 หนี้สินหมุนเวียนอื่น 122 24,390 17,453 18,4 61 เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน 0 0 35,816 82,473 เงินกู้ยืมจากกรรมการและบริษัทที่เกี่ยวข้อง 200 0 0 0 รวมหนี้สิน 2,104 94,071 165,321 15 5,555 ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100,000 100,000 100,000 144,000 ส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการ 0 0 0 963 ถือหุ้นในบริษัทย่อย กำไรสะสมและสำรองตามกฎหมาย 3,417 20,238 32,419 55,636 ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 0 0 0 4,390 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 103,471 120,238 132,419 204,989 รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 105,521 214,310 297,741 360,544 ผลการดำเนินงาน รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 101,694 177,018 238,117 300,592 ต้นทุนขาย 85,282 126,862 138,346 171,496 กำไรขั้นต้น 16,413 50,155 99,770 129,09 6 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 14,086 26,578 48,785 60,572 กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน 2,326 23,577 50,985 68,524 รายได้อื่นๆ 877 740 4,363 7,697 กำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลและดอกเบี้ยจ่าย 3,203 24,317 55,348 76,221 ดอกเบี้ยจ่าย 0 0 609 3,374 กำไรก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 3,203 24,317 54,738 72,847 ภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,030 7,496 17,557 25,048 กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 0 0 0 102 กำไรสุทธิ 2,173 16,821 37,181 47,6 97 กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 1.68 3.72 0.35 งบกระแสเงินสด เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 36,633 37,498 37,803 เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน (43,334) (41,980) (102,385) เงินสดสุทธิจาก(ใช้ไป)ในกิจกรรมจัดหาเงิน 4,438 37,215 39,830 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) สุทธิ (2,263) 32,733 (24,751) เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต้นงวด 6,220 3,957 36,690 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดปลายงวด 3,957 36,690 11,939 จัดทำโดย บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) |